ชนิดของเส้นใยผ้า สิ่งที่คุณควรรู้

วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของเส้นใยผ้าซึ่งจะเป็นตัวกำหนดคุณลักษณะของผ้านั้นๆ

เราสามารถแบ่งเส้นใยผ้าออกเป็นชนิดใหญ่ๆได้ 3 ชนิดได้แก่

 

 

1. เส้นใยที่ทำจากธรรมชาติ100% (Natural fiber) ซึ่งเส้นใยที่สำคัญที่เราควรรู้จักได้แก่

  • เส้นใยไหม (Silk) ใยไหมมาจากโปรตีนของรังไหม  แล้วนำมาปั่นจนได้เป็นเส้นด้าย   นำมาทอ หรือถัก  ได้เป็นผืนผ้า คุณสมบัติของผ้าไหมนั้น  มีความนุ่มมือ  เงางามจับตา   ไม่ยับง่าย หรือไม่ยับเลย  คงสภาพของผ้าได้ดีทีเดียว ดูดความชื้นได้ดีพอสมควร  และ สามารถปรับตัวได้ในอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ใส่สบายมาก ฤดูหนาวก็ใส่แล้อบอุ่น สามารถติดไฟได้  เวลาไหม้ผ้าจะหด และไหม้เป็นขี้เถ้า  ต้องซักด้วยสบู่ที่มีฤทธิ์อ่อนเท่านั้น  เพราะผงซักฟอกที่มีกรดแรงจะทำลายเนื้อผ้า   ก่อนรีดต้องนำผ้าฝ้าย มารอง

  • เส้นใยลินิน (Linen)    ผลิตจากเส้นใยของต้น flax แล้วนำมาปั่น จนได้เป็นเส้นด้าย   จากนั้นจึงมาทอ หรือ การถัก ได้เป็น ผืนผ้า ลินิน นั้นเส้นใยธรรมชาติที่มีความคงทน และความแข็งแรงที่สุด   โดยที่คุณสมบัติของผ้าลินิน  นั้นจะ ยับง่าย   ซักได้  สามารถ รีดได้ที่อุณหภูมิสูงลักษณะของจะมี ความมันเงาสวยงาม    ผิวเรียบแข็ง   และดูดซึมน้ำได้ติดไฟได้     เวลาไหม้จะเหมือนกระดาษ เวลาพับผ้าลินินต้องใช้การม้วนเท่านั้น เพราะถ้าพับเส้นด้ายอาจหัก เสียทรงได้

  • เส้นใยฝ้าย (Cotton)   ได้มาจากการนำ เส้นใยของปุยฝ้ายนำมาปั่นจนเกิดเป็นเส้นด้าย  แล้วจึงนำมาทอ  หรือถัก ได้เป็นผืนผ้า คุณสมบัติของผ้าฝ้าย หรือ ผ้า Cotton นั้นจะ ยับง่าย รีดยาก  หด ย้วย  แต่บางเบาหากผลิตเป็นเครื่องนุ่งห่ม จะใส่สบาย   แต่ปัจจุบันมีกระบวนการในการผลิตเส้นด้ายที่มีประสิทธิภาพ   ทำให้คุณภาพของฝ้ายดีขึ้น จึงเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายสามารถซักได้ด้วยเครื่อง หรือมือ   รีดได้ในอุณหภูมิที่สูงได้ ไม่ไหม้หรือเกิดอาการหดตัว   สามารถขึ้นราได้ง่าย เนื่องจากเป็นใยฝ้าย   ติดไฟได้ ไม่มียางเหนียว   เวลาไหม้ลักษณะจะเหมือนกระดาษไหม้ เป็นขี้เถ้า

 

  • เส้นใยขนสัตว์ (Wool) ผ้าขนสัตว์ คือการนำขนสัตว์นำมาปั่นจนเกิด เป็นเส้นด้าย แล้วจึงมาทอ หรือถักเป็นผืนผ้าขนสัตว์ที่นิยมมาใช้ทำเป็นผ้าที่สุด คือขนแกะ คุณสมบัติของขนสัตว์ ขนสัตว์นั้นดูดความร้อน และถ่ายเทความชื้นได้ดี เวลาสวมใส่จึงให้ความอบอุ่นได้ดี และไม่เหนอะหนะร่างกายเวลาสวมใส่ หดตัวมากเวลาเปียก จึงควรซักแห้งเท่านั้น หลังจากซักแห้งควรเก็บใส่ถุงพลาสติก เพื่อป้องกันมอด

2. เส้นใยสังเคราะห์จากสารเคมี (Chemical Synthetic fiber) ซึ่งสามารถแบ่งแยกเป็นประเภทได้ดังนี้

  • สแปนเด็กซ์ (Spandex) เป็นผ้าที่มีความยืดหยุ่นสูง เป็นผ้าเส้นใยสังเคาระห์นิยมนำมาผลิตเสื้อผ้าที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น ชุดชั้นใน มาทดแทนยางธรรมชาติที่อายุการใช้งานใช้ไม่ได้นานนัก

  • ไนลอน (Nylon) ไนลอน ได้มาจากกระบวนการรวมตัวของปิโตรเคมี   จำพวก  เบนซิน ฟีนอล ไฮโดรเจน แอมโมเนีย และมาผ่านกรรมวิธีทางเคมี  และผลิตเป็นเส้ยด้ายด้วยการถักหรือทอ คุณลักษณะของผ้าไนลอนนั้น    มีความทนทาน มาก  รูปร่างของผ้าทรงตัวไก้ดี  สามารถซักผงซักฟอกได้ ทนต่อเชื้อราและแมลง ทนต่อการขัดสี  แต่เวลาใส่ไม่ค่อยสบายตัวนัก มักผลิตขึ้นมาใช้เป็นเสื้อผ้าที่มีราคาไม่สูง

  • โพลีเอสเตอร์ (Polyester ได้มาจากกระบวนการรวมตัว จำพวก ปิโตรเคมี  จำพวกเอทานอล    ผ่านกรรมวิธีทางเคมี  ได้เป็นเส้นด้าย  แล้วผ่านกระบวนการถักหรือทอ  แล้วได้เป็นผืนผ้า   เป็นเส้นใยที่ผลิตขขึ้นมาเพื่อให้มีคุณสมบัติคล้ายฝ้าย   ลักษณะ เป็นเส้นใยยาวนุ่ม เงามัน ดูดความชื้นได้น้อย   ผ้ามีความเบาบาง  ยับยาก จับจีบได้  แต่เมื่อใส่ไประยะนานผ้าจะเกิดขุยได้

 

3. เส้นใยสังเคราะห์จากวัสดุธรรมชาติ (Natural Synthetic fiber)

– เรยอน (Rayon)    ได้มาจากการนำเปลือกไม้ในธรรมชาติ   ผ่านกรรมวิธี ทางเคมี  ได้เป็นเส้นด้าย  และผ่านกรรมวิธี ด้วยการถักหรือการทอ ผลิตขึ้นมาเพื่อให้มีคุณสมบัติเหมือนกับฝ้าย   คุณสมบัติ มีความนุ่ม มันเงา สามารถระบายความร้อน และดูดความชื้นได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถเป็นผ้าที่ดีกว่าฝ้ายได้ ราคาค่อนข้างถูกนิยมนำมาทดแทนผ้าฝ้าย

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าเส้นใยผ้ามีหลากหลายประเภทหลากหลายชนิด ดังนั้นการที่เรารู้ชนิดของเส้นใยผ้านั้นจะช่วยให้เราสามารถเลือกผ้าเพื่อนำไปผลิตสิ่งต่างๆได้ตามคุณสมบัติที่เราต้องการ

บทความอื่นที่น่าสนใจ